เมืองโฮโบเกนรัฐนิวเจอร์ซี่ย์ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ.2018– ผลการศึกษาในการตรวจพิจารณาบทความวิชาการที่ตีพิมพ์ใหม่แสดงให้เห็นว่า รับประทานพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)สารแอนติออกซิแดนท์ที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพสูงแต่ละวัน สามารถลดอัตราการเกิดโรคภาวะซินโดรมหลังเกิดลิ่มเลือดอุดตันและลิ่มเลือดอุดตันแบบเกิดซ้ำ
ภาวะซินโดรมหลังเกิดลิ่มเลือดอุดตันเป็นภาวะเรื้อรัง ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (DVT) อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย รวมทั้งอาการรอยแดง บวม เป็นฝี และอาการปวดขาเรื้อรัง
อาการลิ่มเลือดอุดตันแบบเกิดซ้ำเป็นภาวะที่เป็นอันตรายต่อชีวิต ซึ่งเกิดจากก้อนเลือดที่เกิดขึ้นใหม่ที่ส่วนขาด้านล่าง CDC ประเมินว่า ชาวอเมริกันจำนวน 100,000 คนเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำในแต่ละปี ในจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าว มีถึง 30% ที่เกิดขึ้นภายในหนึ่งเดือนหลังการวินิจฉัย
ภาวะซินโดรมหลังเกิดลิ่มเลือดอุดตันและลิ่มเลือดอุดตันแบบเกิดซ้ำเป็นผลมาจากการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดดำ ประมาณ 33% ของผู้ป่วยที่มีอาการลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดดำจะเกิดซ้ำภายใน 10 ปี ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยเหล่านี้จะมีภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวอันเนื่องมาจากภาวะซินโดรมหลังเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ดร. สตีเฟน ลามผู้อำนวยการแผนกการแพทย์ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพลางก์เนส( Langnes )มหาวิทยาลัยนิวยอร์คกล่าวว่า "การศึกษานี้มีความสำคัญสำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดลิ่มเลือด บุคคลที่ขับขี่ หรือโดยสารเครื่องบินเป็นระยะเวลานาน โรคหัวใจล้มเหลว โรคอ้วนและประวัติทางการแพทย์ของบุคคลในครอบครัวสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำได้ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า พิคโนจีนอล(Pycnogenol®)สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซินโดรมหลังเกิดลิ่มเลือดอุดตันและลิ่มเลือดอุดตันแบบเกิดซ้ำ "
ผลการศึกษาที่ขยายในการศึกษานี้ได้ตีพิมพ์ในวารสาร "Minerva Cardioangiologica "(มิเนอร์วา คาร์ดิโออันกิโอโลกิคา ) การศึกษาที่ขยายสังเกตุบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซินโดรมหลังเกิดลิ่มเลือดอุดตันและลิ่มเลือดอุดตันแบบเกิดซ้ำหลังจากเหตุการณ์ลิ่มเลือดอุดตันเป็นเวลา 6 ปี 815 คน การศึกษาที่ขยายสังเกตุผู้ป่วยทั้งหมด 5 กลุ่ม ซึ่งรวมทั้งกลุ่มควบคุม กลุ่มแอสไพริน กลุ่มทิโคลพิดีน (Ticlopidine) กลุ่มซูโลเด็ก์ส (sulodex)และกลุ่มพิคโนจีนอล(Pycnogenol® วัตถประสงค์ของการศึกษานี้คือเพื่อหาประสิทธิภาพในการลดภาวะซินโดรมหลังเกิดลิ่มเลือดอุดตันและลิ่มเลือดอุดตันแบบเกิดซ้ำด้วยวิธีการต่างๆเหล่านี้
ผู้ร่วมทดลองทุกรายได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการจัดการที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งรวมถึง การใส่ถุงเท้าต้านการเกิดลิ่มเลือด โปรแกรมควบคุมน้ำหนักและการออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วงระยะเวลา 6 ปีหลังการเกิดภาวะมีลิ่มเลือดอุดตัน โดยประเมินผลต่อวัตถุศึกษาทุก 6 เดือน รายงานแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่รับประทานพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)มีอาการเกิดขึ้นดังต่อไปนี้ :
• เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มทดลองอื่นๆ อัตราการเกิดลิ่มเลือดอุดตันแบบเกิดซ้ำต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ (กลุ่มพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)มีอัตราการเกิดโรค5.8% กลุ่มควบคุมมีอัตราการเกิดโรค 17.2% )
• ลดอัตราการเกิดโรคหลังเกิดลิ่มเลือดอุดตันอย่างมีนัยสำคัญ (กลุ่มพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)มีอัตราการเกิดโรค6.5% กลุ่มควบคุมมีอัตราการเกิดโรค 19.8% )
• โดยทั่วไป เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มทดลองอื่นๆ กลุ่มพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)มีอัตราการเกิดลิ่มเลือดต่ำที่สุด
"สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเกิดลิ่มเลือดอุดตัน คำสั่งแพทบ์ที่เป็นมาตรฐานมักจะประกอบด้วยการใช้แอสไพริน แต่สำหรับผู้คนนับล้านคน นี่ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า พิคโนจีนอล(Pycnogenol®)มีประสิทธิภาพมากกว่าแอสไพริน ในการลดความเสี่ยงที่เป็นโรคภาวะซินโดรมหลังเกิดลิ่มเลือดอุดตันและลิ่มเลือดอุดตันแบบเกิดซ้ำ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ป่วยที่ไม่ทนต่อแอสไพริน "ดร. ลามกล่าว
การศึกษาใหม่นี้ดำเนินการโดยใช้ข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุดเหล่านี้ ผลการศึกษาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)มีประโยชน์ต่อสุขภาพการไหลเวียนโลหิต การศึกษาที่ทำในช่วงต้นปีคศ.2018 แสดงให้เห็นว่า การรับประทานพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)สามารถลดอาการบวมที่บริเวณขาส่วนล่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ก็คือบวมน้ำ) และบรรเทาอาการเจ็ทแล็ค(Jetlag)ที่เกิดจากการบินระยะไกลและการเดินทางโดยรถบัสประจำทาง อาการบวมน้ำเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ อาจเกิดจากการขาดการเคลื่อนไหวหรือการคุมขังกับพื้นที่ที่แคบเป็นระยะยาว
การวิจัยเป็นเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า พิคโนจีนอล(Pycnogenol®)เป็นสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและมีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ตามธรรมชาติ หากต้องการทบทวนผลการวิจัยทางคลินิกของพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)และข้อมูลอื่น ๆ โปรดเข้าถึงที่ www.Pycnogenol.com ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาและผลิตภัณฑ์วิตามินรวมมากกว่า 1,000 ชนิดมีพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)ในทั่วโลก
เกี่ยวกับพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)
พิคโนจีนอล(Pycnogenol®เป็นสารสกัดพืชธรรมชาติจากเปลือกต้นสนที่เจริญเติบโตตามชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ผลการวิจัยพบว่า ซึ่งรวมถึงโพรแอนโทไซยานิดิน(Proanthocyanidin) ไบโอฟลาโวนอยด์(Bioflavonoids) และกรดฟีนอลที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนผสมเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างกว้างขวาง ในระยะเวลา 40กว่าปีที่ผ่านมา สารสกัดนี้ได้รับการวิจัยอย่างกว้างขวาง วิทยานิพนธ์ทางการวิจัยและบทความวิจารณ์ที่เผยแพร่มากกว่า 420 บท การศึกษาเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของพิคโนจีนอล(Pycnogenol®) ในฐานะผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ ปัจจุบันพิคโนจีนอล(Pycnogenol®)ได้พบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาและผลิตภัณฑ์วิตามินรวมมากกว่า 1,000 ชนิด ในทั่วโลก สำหรับเเข้าใจข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.pycnogenol.com
เกี่ยวกับบริษัท ฮอร์ฟาค รีเสิร์ช (อเมริกา) จำกัด
ฐานการผลิตของบริษัท ฮอร์ฟาค รีเสิร์ช (อเมริกา) จำกัด(Horphag Research)ตั้งอยู่เมืองโฮโบเกนรัฐนิวเจอร์ซี่ย์อเมริกา) ซึ่งในนามบริษัท ฮอร์ฟาค รีเสิร์ช จำกัด (Horphag Research) เป็นผู้ค้าส่งในอเมริกาเหนือสำหรับแบรนด์ พิคโนจีนอล®(pic-noj-en-all)ซึ่งเป็นสารสกัดเปลือกต้นสนตามชายฝั่งทะเลฝรั่งเศส และ เสารสกัดจากไม้โอ๊คฝรั่งเศส พิคโนจีนอล(Pycnogenol®)และ เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของบริษัท ฮอร์ฟาค รีเสิร์ช จำกัด บริษัท ฮอร์ฟาค รีเสิร์ช จำกัดได้รับรางวัลผลงานที่ยอดเยี่ยม“Frost & Sullivan ” "รางวัลธุรกิจและความปลอดภัยทางเทคโนโลยีและคุณภาพสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ" "รางวัลความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์โลกตะวันตกสำหรับซัพพลายเออร์ "และ "รางวัลไทเลอร์รีเสิร์ช"ที่มอบโดยสภาพฤกษศาสตร์อเมริกัน( American Botanical Council) บริษัท ฮอร์ฟาค รีเสิร์ช (อเมริกา) จำกัดมีสิทธิ์พิเศษที่ส่งเสริมการขายและจำหน่ายพิคโนจีนอล(Pycnogenol® และประโยชน์จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 40 ปีที่ผ่านมา ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้ความมั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของพิคโนจีนอล(Pycnogenol® ที่เป็นอาหารเสริม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพิคโนจีนอล(Pycnogenol®) โปรดเข้าถึงwww.pycnogenol.com
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อบุคคลดังต่อไปนี้: